วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555


ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรับอเมริกา


สหรัฐ 7 พ.ย.- ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐปรากฏว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้รับชัยชนะได้เป็นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐเป็นสมัยที่ 2

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ประธานาธิบดีโอบามาสามารถเอาชนะนายมิตต์ รอมนีย์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันไปได้ ทำให้เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 โดยผลการนับคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งจากรัฐต่างๆ ตั้งล่าสุดนายโอบามาได้คะแนนไปแล้วอย่างน้อย 281 คะแนน จากจำนวนที่ผู้สมัครจะต้องได้รับ  270 คะแนนถึงจะได้รับชัยชนะ ขณะที่นายรอมนีย์ได้ไป 201 คะแนน

ทั้งนี้ โอบามาได้รับชัยชนะอย่างฉิวเฉียดในหลายรัฐที่มีการแข่งขันสูงทั้งโอไฮโอ วิสคอนซิน ไอโอวา เพนซิลเวเนีย และนิวแฮมเชอร์ ขณะที่นายรอมนีย์เก็บชัยชนะได้เพียงรัฐเดียวคือที่รัฐนอร์ทแคไรโลนา

ชัยชนะของโอบามาในครั้งนี้เป็นการสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง โดยเขาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ของพรรคเดโมแครต ที่ได้ดำรงตำแหน่งติดต่อกัน 2 สมัยในช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์นี้ก็คืออดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน

สำหรับผลงานสำคัญในช่วง 4 ปีที่ผ่านของโอบามาได้แก่การยุติสงครามในอิรัก การกอบกู้อุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐที่ล้มละลายให้กลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง การสังหารนายอุซามะ บิน ลาเดน ผู้นำสูงสุดของเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ รวมถึงการให้หลักประกันสุขภาพแก่ประชาชนอย่างถ้วนหน้า ตลอดจนการผ่านกฎหมายเพื่อการปฏิรูปวงการตลาดหุ้นสหรัฐ ล่าสุดนายรอมนีย์ยังไม่ออกมายอมรับความพ่ายแพ้

ด้านนายโอบามา ได้กล่าวขอบคุณต่อผู้สนับสนุนผ่านทางทวิตเตอร์ที่ทำให้เขาได้รับชนะในครั้งนี้  ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนโอบามาต่างก็ออกมาแสดงความยินดีกันอย่างคึกคัก คาดว่าการเลือกตั้งนี้มีชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิกันอย่างน้อย 120 ล้านคน.-สำนักข่าวไทย



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต สามารถรักษาเก้าอี้ผู้นำสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 หลังคว้าชัยชนะขาดลอยเหนือนายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน ด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้งล่าสุด 303  ต่อ 206  เสียง
โอบามา ซึ่งเคยสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำผิวสีคนแรกของสหรัฐ สร้างสถิติอีกครั้งด้วยการเป็นผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตคนที่ 2 ที่สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐติดต่อกัน 2 สมัย นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยผู้ที่สามารถทำได้คนแรก คืออดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐระหว่างปี 2535-2543
นอกจากนี้ โอบามายังสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรก ในรอบ 70 ปี ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ขณะที่อัตราว่างงานสูงกว่า 7.4% แม้อัตราการจ้างงานโดยรวมจะเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านตำแหน่ง แต่อัตราการว่างงานประจำเดือนต.ค. กลับอยู่ที่ 7.9%
อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันกว่าครึ่งที่ออกมาใช้สิทธิ์ เชื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญเป็น “ผลงาน” ของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ไม่ใช่โอบามา
ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุน และประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันหน้าทำเนียบขาว พร้อมกับส่งเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ เช่นเดียวกับผู้ขับขี่รถยนต์แทบทุกคัน ที่ต่างพากันบีบแตรเมื่อแล่นผ่านทำเนียบขาว อันเป็นสัญลักษณ์แสดงความยินดีต่อชัยชนะที่จะนำไปสู่การครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกหนึ่งสมัย โอบามาทวีตข้อความเพียงสั้นๆผ่านทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา @barackobama ขอบคุณประชาชนและผู้สนับสนุนทุกคน ที่ช่วยกันทำวันนี้ให้เป็นจริง
เช่นเดียวกับบริเวณภายนอกศูนย์ประชุมในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ที่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเริ่มหลั่งไหลเข้ามาจับจองพื้นที่ เพื่อรอการปรากฏตัวของโอบามา และครอบครัว พร้อมกับรับฟังสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะของเขา
รายงานระบุว่า ระหว่างที่การลงคะแนนเลือกตั้งกำลังดำเนินอยู่ โอบามาร่วมเล่นบาสเกตบอลกับกลุ่มเพื่อนสนิท ซึ่งมีทั้งบุคคลในแวดวงการเมือง และนักบาสเกตบอลอาชีพจากทีมชิคาโก บูลส์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่โอบามาปฏิบัติตั้งแต่วันหยั่งเสียงเลือกตั้งเบื้องต้น เพื่อหาตัวแทนพรรคเดโมแครตลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี ระหว่างเขากับนางฮอลลารี คลินตัน เมื่อปี 2551
แม้ผลการนับคะแนนจะยังไม่เสร็จสิ้นครบทั้ง 50 รัฐ แต่โอบามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งล่าสุดอยู่ที่ 303  จาก 538 เสียง ซึ่งถือว่าเกิน 270 เสียงตามที่รัฐธรรมนูญสหรัฐบัญญัติไว้ โดยโอบามาได้รับชัยชนะในรัฐดังต่อไปนี้ ( รัฐ-คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง )
แคลิฟอร์เนีย – 55 เสียง
คอนเนกติกัต – 5 เสียง
โคโลราโด – 9 เสียง
เดลาแวร์ – 3 เสียง
ฮาวาย – 4 เสียง
อิลลินอยส์ – 20 เสียง
ไอโอวา – 6 เสียง
เมน – 4 เสียง
แมริแลนด์ – 10 เสียง
แมสซาชูเซตส์ – 11 เสียง
มิชิแกน – 16 เสียง
มินนิโซตา – 10 เสียง
นิวแฮมป์เชียร์ – 4 เสียง
นิวเจอร์ซีย์ – 14 เสียง
นิวเม็กซิโก – 5 เสียง
นิวยอร์ก – 29 เสียง
เนวาดา – 6 เสียง
โอไฮโอ – 18 เสียง
ออริกอน – 7 เสียง
เพนซิลเวเนีย – 20 เสียง
ฟลอริดา – 29 เสียง
โรดไอแลนด์ – 4 เสียง
เวอร์จิเนีย – 13 เสียง
เวอร์มอนต์ – 3 เสียง
วอชิงตัน ดีซี – 3 เสียง
วอชิงตัน – 12 เสียง
วิสคอนซิน – 10 เสียง

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งตัวขึ้นทันทีเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ตอบรับชัยชนะของโอบามา โดยมาปิดอยู่ที่ 1.2860 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 ยูโร ในการซื้อขายเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ในตลาดโตเกียว และอยู่ที่ 1.2814 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 ยูโร หลังการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร แต่เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแล้วอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 80.05 เยน ในตลาดโตเกียว และ 80.34 เยนในตลาดนิวยอร์ก
ล่าสุดรอมนีย์ขึ้นเวทีที่ศูนย์ประสานงานเลือกตั้งของเขาในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ กล่าวแสดงความยินดีต่อโอบามา และอวยพรให้อีกฝ่ายประสบความสำเร็จ พร้อมกับยอมรับความพ่ายแพ้ และขอบคุณทีมงานหาเสียงของเขาทุกคน รวมถึงนายพอล ไรอัน ผู้สมัครคู่กับเขาในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ที่ทำงานกันอย่างหนักตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา.

***************************
ข่าวเด่นวันนี้ เกาะติดสถานการณฺ์รายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2012 วันที่ 6 พ.ย. นี้  โดยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ที่หมู่บ้านดิกซ์วิลล์ นอท์ช ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ เป็นที่แรกของประเทศตามธรรมเนียม โดยมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 10 คน ซึ่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้พร้อมใจกันเดินทางมาใช้สิทธิ์ครบทั้ง 10 คน โดยผลการนับคะแนนที่ออกมาแทบจะทันทีหลังปิดหีบ ปรากฏว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนายมิตต์ รอมนีย์ ได้รับคะแนนเสียงไปคนละ 5 เสียง เท่าๆ กัน
และในขณะนี้สำนักข่าวต่างประเทศทั่วโลก ต่างก็รอคอยที่จะรายงานผลการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2012 แบบเกาะติดสถานการณ์กันเลยทีเดียว ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า คะแนนเสียงค่อนข้างสูสีชนิดเฉือนกันไม่ขาด และพลาดไม่ได้สำหรับการติดตามข่าวนี้นะครับ